เบียร์ บาซูก้า (ประเทศไทย) บล็อก

7 ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับเบียร์ ที่นักดื่มไม่รู้ เบียร์คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง เกิดการหมักธัญพืช โดยมีส่วนผสมหลักคือน้ำ ฮอปส์ ข้าวบาร์เลย์ และยีสต์ เบียร์แต่ละชนิดอาจมีส่วนผสมมากกว่านี้ จึงส่งผลให้เบียร์แต่ประเภทมีกลิ่น สี และรสชาติแตกต่างกัน แม้ว่าเบียร์จะเป็นเครื่องดื่มชนิดแรกของโลก เริ่มผลิตกันมาตั้งแต่ 6000 ปีก่อนคริสตกาล แต่ใช่ว่าทุกคนจะรู้จักเบียร์ดีกันทุกแง่มุม ยังคงมีหลายมุมที่ยังคงมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเบียร์กันอยู่ 1. เบียร์แคลอรี่สูงกินแล้วลงพุง กินเบียร์เยอะๆ แล้วจะทำให้ลงพุงหรือเกิดพุงเบียร์ จริงๆแล้ว เบียร์นั้นให้แคลอรี่ที่ต่ำกว่าน้ำส้ม หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆเสียอีก พุงเบียร์นั้นอาจจะเกิดกับแกล้มที่กินกันเพลินๆระหว่างสังสรรค์หรือเปล่าจ๊ะ 2. คอเบียร์บอกว่าดื่มเบียร์ต้องใส่แก้วเบียร์ที่เย็นจัดๆ ถึงจะอร่อย แก้วเบียร์ที่เย็นจัดเป็นตัวที่ทำให้เกิดปฏิกิริยา Nucleation จะทำให้เกิดฟองเบียร์จำนวนมาก และส่งผลให้ไปทำลายกลิ่นหอมและรสชาติที่แท้จริงของเบียร์ ดังนั้น การดื่มเบียร์ที่ถูกควรจะใช้แก้วเบียร์อุณหภูมิปกติ จะทำคงรสชาติแ

5 คราฟต์เบียร์ ที่เหมาะกับผู้หญิ้งงงงผู้หญิงงงง อย่างที่เรารู้ – ตลาดเบียร์ในประเทศไทยถูกครองอยู่โดยบริษัทเบียร์เพียงไม่กี่ยี่ห้อ และส่วนใหญ่ภาพลักษณ์ รสชาติ และปริมาณแอลกอฮอล์ก็ดูเหมาะกับผู้ชายดุดันวัยฉกรจจ์แทบทั้งนั้น ดังนั้นผู้หญิงอย่างเราๆที่บางครั้งก็ไม่ชอบรสขมของเบียร์มาก แต่ก็อยากสนุกสนานกลางวงเหล้าไปกับเพื่อนๆล่ะ? คราฟต์เบียร์ตัวอย่าง Pale Ale ก็เป็นอีกตัวเลือกที่เหมาะกับผู้หญิ๊งงงงผู้หญิงงงงอย่างเราๆ ด้วยว่ามันมีรสชาติอ่อน ไม่ขมมาก แอลกอฮอล์ก็น้อยกว่าเบียร์ปกติ แถมบางตัวยังอ่อนกว่าค็อกเทลด้วยซ้ำ ทำให้สาวๆสามารถ enjoy กลางราตรีโดยไม่ล้มพับไปกลางงานเลี้ยงเสียก่อน BREWDOG “DEAD PONY CLUB” CALIFORNIA PALE ALE – ABV3.8% Pale Ale สัญชาติสก็อตแลนด์นี้ มี hops ที่หนักแน่น มีรสชาติของมอลต์ ให้รู้สึกถึงบรรยากาศกลางทุ่งหญ้า มีสายลมอ่อนๆ จิบเบียร์เย็นๆ รสชาติของผลไม้และความเผ็ดเล็กน้อยก็ทำให้รู้สึกสนุกสนาน แถมแอลกอฮอล์ยังแค่ 3.8% เป็นเบียร์ที่ผู้หญิงสามารถลิ้มรสความอร่อยได้หลายๆแก้วเลยทีเดียว   FLYING DOG “EASY IPA” – ABV4.7% FLYING DOG “EASY IPA” ค

1.เบียร์เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักมองว่าเป็นของไม่ดี ที่แน่ๆ – ยังมีคนเชื่อว่าการดื่มเบียร์ทำให้ลงพุง (ซึ่งไม่จริงนะคะ มีผลงานวิจัยเกี่ยวกับการดื่มเบียร์ เขาบอกว่าภาวะลงพุงไม่ได้เกิดจากการดื่มเบียร์แน่ๆ มันไม่สัมพันธ์กัน) ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าดื่มเบียร์แล้วออกกำลังกายปกติ ก็ไม่ได้มีภาวะลงพุงแต่อย่างใด ดังนั้น วันนี้ เบียร์ บาซูก้า เลยอยากจะนำเสนอ 8 เรื่องของเบียร์ที่เกี่ยวกับสุขภาพกันค่ะ     2. เบียร์ ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น มีงานวิจัยที่บอกว่าการดื่ม เบียร์ ประมาณวันละ 1 ไพนท์ จะทำให้หัวใจของคุณแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น นอกจากนี้ยังลดภาวะเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย นอกจากนี้การศึกษายังพบว่า หลอดเลือดแดงของผู้ที่ดื่มจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นและการไหลของเลือดภายในร่างกายก็ดีขึ้นหลังจากดื่มประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง 3. เบียร์ ทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้น เทโลเมียร์คือ DNA ที่ส่วนปลายสุดของโครโมโซมที่เมื่อแรกเกิดจะมีความยาวค่อนข้างมาก และจะสั้นลงทุกครั้งที่มีการแบ่งตัว ทำหน้าที่คอยเช็คสภาพเซลล์ในร่างกายของเราว่าเซลล์มีการซ่อมแซมและแบ่งตัวได้ดีหรือไม่ พูดง่ายๆก็คือเทโลเม

คอลัมน์ เครื่องแนม มติชนรายวัน เป็นดราม่าทุกปี รวมทั้งมีการแชร์ข้อมูลกันมาเป็นระยะๆ ว่าดื่ม “เบียร์” แล้วดีต่อสุขภาพ ที่น่าสนใจคือ เชื่อกันว่าเบียร์ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง! คุณพระ…ถึงขนาดนั้นทีเดียว   เพจ “ความรู้สนุกๆ แบบหมอแมว” อธิบายถึงประเด็นดังกล่าวว่า งานวิจัยที่หลายๆ คนอ้างถึงกัน คือการแช่เนื้อไว้ในเบียร์ ช่วยลดสารก่อมะเร็งในกลุ่ม heterocyclic aromatic amines ได้ประมาณ 70% ทั้งนี้ ต้องแช่ประมาณ 4-6 ชั่วโมง นอกจากนี้มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ระบุว่าสารบางชนิดในเบียร์และในฮ็อปส์ที่ผสมในเบียร์ ช่วยลดการกลายพันธุ์ของเซลล์ในลำไส้ได้ ช่วยลดการตอบสนองของต่อมลูกหมากต่อฮอร์โมนเพศ ซึ่งอาจจะลดมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ปัญหาคือ นั่นคือในหลอดทดลองและห้องวิจัย แต่พอมาดูข้อมูลทางระบาดวิทยา ดันปรากฏว่าการดื่มเบียร์ (และเหล้า) อาจะมีส่วนทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งทางเดินอาหารส่วนปลาย มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งช่องปาก และมะเร็งที่ยังน่าสงสัยก็มีมะเร็งผิวหนังและมะเร็งรังไข่   ดังนั้น ดื่มพอประมาณดีกว่าครับ อย่าเกินวันละ 1 กระป๋อง อาจจะเ

กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะทุกคน! วันนี้เบียร์ บาซูก้ามีบทความดีๆมาฝากเกี่ยวกับวิธีการดื่มเบียร์แบบมืออาชีพกันค่ะ เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่า ขนาดตอนนี้เองเราๆก็ยังเถียงกันไม่จบเลยว่าเราควรจะเก็บรักษาเบียร์อย่างไร รินอย่างไร หรือแม้แต่ว่าจะดื่มอย่างไรดี เบียร์ บาซูก้าก็เลยคิดว่าควรเริ่มกันตั้งแต่วิธีการเลือกเบียร์ เลือกแก้ว แล้วก็เลือกอาหารที่จะมาเข้าคู่กันไปเลยดีกว่าค่ะ แล้วหลังจากนั้นค่อยเข้าสู่บทเรียนว่าด้วยวิธีการเก็บรักษาเบียร์ การรินเบียร์ แล้วก็การดื่มเบียร์ เอาแบบ Beer Sciences 101 กันไปเลยค่ะ เบียร์ แก้ว และ Food Pairing   1. เลือกเบียร์ให้โดน อย่าคิดแค่ว่าเบียร์เนี่ย ขอแค่รินออกมาจากถังก็โอเคแล้วนะคะ ความจริงแล้วเบียร์มีหลากหลายชนิดอย่างที่เรียกได้ว่า ถ้าจะให้บรรยายหมดคงใช้เวลาเป็นชาติค่ะ เพราะฉะนั้น เราก็เลยคัดเบียร์มาบางประเภทให้ได้รู้กันแบบคร่าวๆก่อนแล้วกันนะคะ เอล (Ales) หมักสั้น ค่อนข้างหวาน ให้ความรู้สึกเข้มข้นแล้วก็มีรสชาติออกผลไม้แบบฉ่ำๆ อย่าง Pale Ales (IPA) ที่คนไทยนิยมดื่มกัน จะมี hops มากขึ้นอีกเล็กน้อยและมีรสชาติที่ขมกว่า ซึ่งประ

ลองหรือยัง? Beer Cocktail ส่วนใหญ่แล้วคนมักจะรู้จักเบียร์แยกจากค็อกเทลทั้งๆที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะปกติแล้วเราจะดื่มเบียร์เพียวๆทานกับกับแกล้มคู่กันเพื่อความสดชื่น ในขณะที่ค็อกเทลจะเป็นเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ประเภท วอดก้า จิน หรือวิสกี้เล็กน้อยพอยังให้มีรสชาติหวานๆกลมกล่อม แต่ใครจะไปรู้ล่ะ – มันอาจจะเข้ากันก็ได้ วันนี้ เบียร์ บาซูก้า ขอนำเสนอเมนู Beer Cocktail ให้ลองทำเองง่ายๆที่บ้านแล้วชิมดูว่าจริงๆแล้วเบียร์กับค็อกเทล มันไปด้วยกันได้นะ เมนูแรกวันนี้คือ Beer Punch แน่นอน – ถ้าคุณอยากดื่มน้ำพันช์ผสมแอลกอฮอล์เบาๆ ลองทำตามสูตรนี้ได้เลย ผสมสไปรท์ 12 ออนซ์ กับน้ำสับปะรดประมาณ 2 ถ้วยครึ่งกับเบียร์ที่คุณชอบอีก 6 กระป๋อง ตามด้วยฝานเลมอน มะนาว และส้ม โยนลงไปแล้วคน แค่นี้ก็ได้น้ำพันช์ผสมเบียร์มาหนึ่งเหยือกสำหรับปาร์ตี้เย็นนี้แล้ว ง่ายไหมล่ะ?   ต่อมา อันนี้อาจจะแรกขึ้นอีกนิดนึงกับ Beergarita อันนี้อาจจะต้องมีอุปกรณ์ช่วยเชคนิดนึงเพื่อความเข้ากันของแอลกอฮอล์ ผสมเบียร์สี่ขวดเล็ก เข้ากับเตอกิล่า 1 ถ้วย น้ำมะนาวเข้มข้นอีกประมาณ 2 ถ้วย ตามด้วยน้ำแข็ง จั

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…นานแค่ไหน? ก็ราวๆสัก 5,000 ปีก่อนคริสตกาล แถวๆประเทศอียิปต์ “เบียร์” ได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลก หลักฐานล่ะ? มีการค้นพบเอกสารจากกระดาษปาปิรัสเกี่ยวกับกระบวนการการผลิตเบียร์ในสมัยนั้นหรือเรียกกันง่ายๆว่า “สูตรเบียร์” นั่นล่ะ แต่เดี๋ยวก่อน – เบียร์สูตรดั้งเดิมที่ว่านั้นกลั่นมาจากผลอินทผาลัม ผลทับทิม แล้วก็สมุนไพรอื่นๆอีกหลายชนิด แถมต่อมายังพัฒนาไปอีกขั้นด้วยการใช้ขนมปังอบที่ทำจากข้าวบาร์เลย์มาผสมกับน้ำ ปั้นเป็นก้อน ก่อนจะนำไปปิ้งและหมักเอาไว้จนขนมปังเริ่มบูดและเกิดแอลกอฮอล์ แน่นอนว่ารสชาติเปรี้ยว…โดยมีการบันทึกไว้ว่าเบียร์ในสมัยนั้นใช้เพื่อจุดประสงค์ทางศาสนา นอกจากนี้ยังมีการแจกเบียร์ราว 5 – 6 ลิตร ให้แก่คนงานที่ก่อสร้างพีระมิดอีกด้วย แต่เดี๋ยวก่อน (อีกนั่นแหละ) นอกจากอียิปต์แล้ว ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (แถวอิรักปัจจุบัน) ก็มีบันทึกแผ่นดินเหนียวเกี่ยวกับการกลั่นเบียร์เอาไว้เหมือนกัน โดยมาในรูปของบทกวีที่สรรเสริญ Ninkasi เทพเจ้าแห่งเบียร์ แน่นอนว่าท่านเป็นผู้หญิง ดังนั้นบันทึกของชาวสุเมเรียนจึงระบุไว้ว่าอาชีพกลั่นเบียร์ส่วนใหญ่จึงเป็น

เบียร์มีส่วนผสมหลัก 4 อย่างคือ 1. น้ำ – เป็นส่วนประกอบสำคัญประมาณ 90% ขึ้นไป มีเกลือแร่ต่างๆด้วย จึงทำให้เบียร์มีรสชาติต่างกันไป 2. ฮ็อพ (Hobs) – เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งใช้เพื่อรักษาความสมดุลหรือเพิ่มรสชาติของเบียร์ ฮ็อพทำให้เบียร์มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ 3. ข้าวบาร์เลย์ที่นำมาเพาะและอบให้แห้ง (Barley malt) – จะทำให้เกิดน้ำตาลที่ยีสต์สามารถกินได้ 4. ยีสต์ (Yeast) – จุลินทรีย์ที่กินน้ำตาลที่พบในข้าวบาร์เลย์ และแปลงเป็นแอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ (ฟอง) – เมื่อรวมส่วนผสมหลักเหล่านี้เข้าด้วยกันในกระบวนการหมักเราก็จะได้เบียร์ขึ้นมา – เบียร์รสชาติแปลกๆ ของแต่ละยี่ห้อ ก็จะใส่ส่วนผสมอื่นๆ เข้าไปเพื่อสร้างรสชาติที่แตกต่างกัน เบียร์มีอยู่สองประเภทหลัก คือ เอลล์ (Ales) และ ลาเกอร์ (Lager) เอลล์ (Ales) เบียร์หมักยีสต์ลอยหน้า คือที่เกิดจากการหมักขึ้นที่ด้านบนสุดของถังหมัก ถูกหมักที่อุณหภูมิสูงกว่าลาเกอร์เบียร์ ประมาณ 10-15 องศา ใช้เวลาหมักน้อยกว่าลาเกอร์เบียร์ ประมาณ 2-3 สัปดาห์ เบียร์มีสีเข้ม รสชาติเข้มข้น ลาเกอร์ (Lager beer) เบียร์หมักยีส